วันพฤหัสบดี , 9 พฤษภาคม 2024

Review: Star Ocean The Second Story R รีเมคคุณภาพ หากไม่เล่นถือว่าพลาด!

แนวเกม แอ็คชั่นอาร์พีจี
แพลตฟอร์ม PS5, PS4, Switch, PC
เรตเกม PEGI: 12 เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป

การจับปัดฝุ่นครั้งใหม่ในซีรีส์เกมแอ็คชั่นอาร์พีจีคู่บุญของค่าย สแควร์เอนิกส์ ที่คราวนี้ยอมลงทุนเล่นใหญ่แบบจัดหนักจัดเต็ม จนทำให้พวกเราลืมภาพจำของเกมต้นฉบับเมื่อ 20 ปีก่อนไปเลย

สำหรับเกม Star Ocean The Second Story R จะบอกเล่าเหตุการณ์ยุคอนาคตที่เกิดขึ้นในปีอวกาศ S.D. 366 เมื่อตัวละครหนุ่มหน้าใสหัวทอง Claude C. Kenny ได้ออกเดินเท้าสำรวจดาวเคราะห์ปริศนาร่วมกับพ่อของเขา แต่จู่ๆคล็อดกลับถูกพลังงานลึกลับบางอย่างดูดกลืนและไปโผล่บนดาวเคราะห์ห่างไกลล้าหลังที่สิ่งต่างๆยังไม่พัฒนา ที่นั่นเขาได้บังเอิญพบเจอกับหญิงสาวหูยาวนาม Rena Lanford ผู้อาศัยอยู่ในหมู่บ้านใกล้ๆ ซึ่งการที่เขาชักอาวุธปืนเลเซอร์ไฮเทคสุดล้ำออกมาปราบสัตว์ประหลาดนั้น จึงทำให้เธอและชาวบ้านต่างหลงเชื่อว่า Claude คือวีรบุรุษแห่งแสงในตำนานที่ปรากฏกายมาช่วยเหลือพวกเขาในยามวิกฤต ตัวเอกผู้หลงทางจึงต้องแสดงตามน้ำไปในระหว่างหาวิธีกลับบ้าน จนเกิดเป็นการผจญภัยของผองคณะกอบกู้โลกที่มีหนุ่มต่างดาวกับหญิงสาวผู้อยากค้นพบตัวเองเป็นแกนนำ

สิ่งที่โดดเด่นแตกต่างไปจากผลงานการรีเมคเมื่อครั้งก่อนในภาค First Departure R นั่นคืองานภาพกราฟิกที่ถูกปรับเปลี่ยนมาใช้สไตล์ 2.5D แสดงตัวละครต่างๆเป็นเม็ดพิกเซลเหลี่ยมหยักตามแบบฉบับของเกมยุค PS1 แต่ทว่าฉากหลังสภาพแวดล้อมทุกอย่างทั้งอาคารบ้านเรือน ร้านค้า ปราสาท ทุ่งหญ้า ป่าเขาลำเนาไพร ไปจนถึงดันเดี้ยน จะถูกเรนเดอร์สร้างขึ้นมาใหม่ในแบบสามมิติแลดูสวยงามสมจริงเหมือนกับเกมยุคสมัยใหม่ ให้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนโลกการเล่นเกมสมัยโบราณโคจรมาบรรจบกับโลกการเล่นเกมยุคปัจจุบันกัน ณ ตรงจุดกึ่งกลางพอดิบพอดี ซึ่งเราว่าสไตล์นี้แหละมันลงตัวเหมาะสมน่าจะตอบโจทย์ถูกใจทั้งคอเกมรุ่นใหม่และรุ่นเก่าได้เป็นอย่างดี

งานด้านซาวด์ดนตรีก็ถือว่าเด่นไม่แพ้กัน เพราะได้คุณ “โมโตอิ ซากุราบะ” นักประพันธ์จากเกมต้นฉบับกลับมาดูแลเรื่องเสียงเพลงประกอบให้อีกครั้ง โดยที่ผู้เล่นอย่างเราสามารถเลือกได้ว่าอยากฟังดนตรีแบบออริจินอลหรือขอฟังดนตรีที่ถูกเรียบเรียงขึ้นมาใหม่ ไม่ว่าเลือกอย่างไหนก็ล้วนไพเราะเสนาะหูทั้งสิ้น นอกจากนี้เวลาตัวละครหลักพูดคุยสนทนากันในฉากเนื้อเรื่องสำคัญๆเรายังจะได้ยินเสียงพากย์แบบฟูลวอยซ์ทั้งในภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ แถมบางทีระหว่างพูดอาจมีภาพวาดการ์ตูนปากขยับตามเสียงของตัวละครต้นเสียงโผล่ขึ้นมาประกอบให้เราได้รับชมกันอีกด้วย นับว่าเป็นการรีเมคที่ทุ่มทุนสร้างตั้งใจทำเอามากๆ

ไม่เพียงแค่ความสวยงามของภาพกราฟิกเท่านั้นที่ถูกยกระดับให้ดูดีขึ้น ตัวเกมเวอร์ชันรีเมคยังมีการปรับปรุงยกเครื่องเกมเพลย์ใหม่เกือบทั้งหมด แน่นอนว่าฟีลอารมณ์ยังคงกลิ่นอายความคลาสสิคอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่จะเพิ่มเติมเสริมแต่งในส่วนของลูกเล่นใหม่ๆที่ดูโมเดิร์นทันสมัยเข้ามา ยกตัวอย่างฉากเดินสำรวจในแม็พแผนที่โลก ที่ในภาคต้นฉบับนั้นเราจะไม่เห็นร่างศัตรู กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็สะดุดตัดฉากเข้าต่อสู้เผชิญหน้ากับศัตรูแบบสุ่มคล้ายกับเกมไฟนอลแฟนตาซีสมัยโบราณ แต่พอมาในเวอร์ชันรีเมคใหม่นี้เราจะได้เห็นศัตรูเป็นกลุ่มก้อนพลังงานร่างผีเดินไปมาในฉาก โดยพวกมันจะถูกแบ่งออกเป็น 3 สี ตามระดับความโหด ได้แก่ สีเขียวศัตรูอ่อนสุดเวลน้อยกว่าเรา, สีฟ้าอมม่วงที่พอสู้ได้สูสี และสีแดงที่หมายถึงศัตรูเวลสูงกว่าแนะนำว่าอย่าลองดี ซึ่งการมองเห็นศัตรูมันช่วยให้เราวางแผนได้ง่ายว่าจะอยู่ฟาร์มต่อ หยุดพอแค่นี้ หรือหลบเลี่ยงหลีกหนีอันตรายที่เกินตัวเราได้ อีกทั้งการที่ได้เห็นพวกมันเดินวนไปมายังช่วยให้เราช่วงชิงความได้เปรียบแอบย่องเข้าหาจากทางข้างหลังเกิดเป็นสถานการณ์ Back Attack ที่ศัตรูทั้งหมดจะสตันหยุดนิ่งชั่วคราวให้เราได้ตีฟรีๆ หรือจะงัดกลยุทธ์ล่อลวงดึงดูดศัตรูมาหลายๆตัวเพื่อทำการ Chain Battles ต่อสู้กำจัดพวกมันทั้งฝูงแบบรวบยอดในคราวเดียวเพื่อรับโบนัส EXP ที่เยอะกว่าการไล่ตีทีละตัวแบบปกติ ก็ทำได้เช่นเดียวกัน

ทางด้านเกมเพลย์การต่อสู้ ต้องบอกเลยว่าในภาครีเมคนี้ทางทีมผู้พัฒนาได้เพิ่มเติมระบบใหม่ๆหลายอย่างเข้ามาเพื่อให้การสู้รบดูสนุกตื่นเต้นเร้าใจมีสีสันมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นระบบ Break ที่หากลองสังเกตบนหัวของศัตรูจะมีไอคอนรูปโล่ปรากฏอยู่ ถ้าเราใช้ท่าทะลวงเจาะจนสัญลักษณ์ดังกล่าวหายไป ศัตรูก็จะเสียหลักเปิดช่องให้เราโจมตีคริติคอลใส่อย่างรุนแรง, ระบบโต้สวนกลับ Counter ที่ถ้าเรากดปุ่ม X หลบหลีกได้ถูกจังหวะ ตัวละครของเราจะสามารถวาร์ปเข้าไปตีข้างหลังลดเกราะป้องกันของศัตรูลงได้มาก, ระบบ Assault Action ที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นสามารถกดปุ่มทิศทางเพื่อซัมมอนตัวละครสำรองหรือตัวละครพิเศษในจักรวาลสตาร์โอเชี่ยนลงมาช่วยเหลือสนับสนุนได้ในระหว่างสู้รบ โดยเราสามารถเลือกกำหนดสกิลของตัวละครที่เรียกมาได้ว่าจะให้เขาลงมาทำอะไรจะโจมตีหรือช่วยฮีล พอเสร็จกิจธุระตัวละครเหล่านี้ก็จะหายหน้าไปรอเวลาคูลดาวน์ที่จะกดใช้งานได้อีกครั้ง แถมภาคนี้ Formation ตำแหน่งยืนของตัวละครในแต่ละรูปแบบยังมาพร้อมกับบัฟเสริมพิเศษที่จะค่อยๆส่งผลเมื่อเราสะสมลูกแก้วสีทองที่ศัตรูดร็อปตอนตายได้มากแตะถึงเกณฑ์ระดับหนึ่ง

นอกจากนี้ตัวเกมภาครีเมค มันยังมาพร้อมกับฟีเจอร์อำนวยความสะดวกอื่นๆอีกมากมายที่ช่วยให้การเล่นสบายขึ้น ทั้งฟีเจอร์ Fast Travel เดินทางเร็วฉับไวข้ามไปมาระหว่างอาณาจักรหรือหัวเมืองใหญ่ๆ, ฟีเจอร์สวมใส่ติดตั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ดีกว่าของเดิมให้อัตโนมัติ, ฟีเจอร์ตัวช่วยชี้นำทางด้วยเครื่องหมายตกใจสีส้มที่ทำให้เรารับรู้เสมอว่าจุดหมายต่อไปอยู่ที่ไหนไม่มีวันเดินหลงทาง, จุดเซฟบางจุดในดันเจี้ยนสามารถฮีลเลือดเราจนเต็มให้ฟรี แถมเดินกลับมาฮีลซ้ำได้เรื่อยๆไม่จำกัด, ฟีเจอร์บันทึกข้อมูลการเล่นที่เราสามารถกดเซฟเองได้ตลอดเวลาในฉากฟิลด์แผนที่โลก รวมไปถึงยังมีฟีเจอร์ Retry กดกลับมาสู้แก้มือยามที่เราเกมโอเวอร์พลาดพลั้งเสียท่าในศึกครั้งล่าสุดได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลากดโหลดเริ่มต้นใหม่จากจุดเซฟ ซึ่งฟีเจอร์ตัวช่วยเหล่านี้มองผิวเผินอาจดูเหมือนมันจะมาช่วยเหลือมือใหม่ แต่เมื่อยิ่งเล่นถลำลึกไปเรื่อยๆคุณจะเข้าใจได้ทันทีเลยว่า สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆล้วนถูกใส่มาอย่างจงใจเพราะมันมีเหตุผลจำเป็น

เหตุผลจำเป็นที่ว่านั่น มันก็คือระดับความยากของศัตรูมอนสเตอร์ภายในเกมที่จะแข็งแกร่งขึ้นแบบก้าวกระโดด เมื่อคุณเล่นผ่านช่วงเริ่มต้นที่เปรียบเสมือนเป็น Tutorial สอนแนะนำระบบหลักๆทั้งหมดของเกมไปแล้ว วินาทีแรกที่เท้าของเราเหยียบย่างก้าวเข้าสู่อาณาจักรใหม่ ทุกสิ่งจะกลับตาลปัตรเปลี่ยนอารมณ์จากเกมอาร์พีจีเล่นสบายตีเพลินๆเหมือนเดินอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ มาเป็นเกมอาร์พีจีสายโหดฮาร์ดคอร์ที่ไม่ว่าจะขยับตัวไปทางไหนก็ล้วนพบเจอแต่ความตาย จำนวนมอนฯเริ่มเยอะแถมยังอึดถึกตีแรง บางตัวทำให้เราติดสถานะประหลาดเป็นอัมพาตได้อย่างง่ายดาย บางทีแค่เจอศัตรูร่ายคาถาพร้อมกันก็มีสิทธิ์นอนยาว เพื่อนรวมทีมข้างกายก็มีแต่สายฮีลกับสายเวทย์ที่แสนบอบบาง พอใช้ MP จนหมดพวกเธอก็ยืนเฉยไม่ช่วยตี ปล่อยให้พระเอก “คล็อด” ของเรายืนแลกแบกทีมอยู่คนเดียว ต่อให้เข้าไปปรับความยากเป็นระดับ Earth ง่ายสุดแล้วอาการหัวร้อนก็ยังคงเวียนวนมาเยือนอยู่เรื่อยๆไม่หายไป

สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น นั่นก็เพราะว่า Star Ocean The Second Story R มันไม่เหมือนกับเกมอาร์พีจีอื่นๆทั่วไปที่พอเลเวลอัพแล้วตัวละครของคุณจะเก่งขึ้นแบบเห็นผลทันตา เนื่องจากค่าพลังสเตตัสที่เพิ่มขึ้นเป็นเพียงแค่องค์ประกอบส่วนเล็กส่วนหนึ่งของการพัฒนาตัวละครภายในเกมเท่านั้น ถ้าหากอยากเก่งอยากเทพเหนือกว่าศัตรูจริงๆคุณจำเป็นต้องเอาแต้ม BP และ SP ที่ได้รับหลังจบศึกมาอัปเกรดความสามารถพิเศษด้านต่างๆที่มีลิสต์รายการยาวเรียงเป็นตับในหน้าเมนู Improve หากเดินเข้าร้านค้าแล้วไม่เห็นอาวุธชุดเกราะเครื่องประดับใหม่ๆมาวางขาย ก็อย่าเพิ่งวางใจว่าของที่เราสวมใส่อยู่มันเจ๋งเทพสุดแล้วเพราะเราสามารถหยิบเอาหินแร่หายากกับของที่มีมาคราฟต์สร้างเป็นไอเทมสุดแกร่งทรงพลังขึ้นได้อีก ดังนั้นเกมมันจะง่ายหรือยากล้วนขึ้นอยู่กับความขยันใฝ่รู้ของผู้เล่นเอง หากหมั่นกดเข้ากดออกส่องดูทุกเมนู ลองผิดลองถูกประยุกต์ใช้ทุกลูกเล่นที่ตัวเกมมีให้ มันก็จะเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์เกมอาร์พีจีที่สนุกท้าทายเล่นได้ไม่มีเบื่อ

ข้อดี: กราฟิกที่ผสมผสานตัวละครพิกเซลเข้ากับฉากหลังสามมิติได้อย่างลงตัว, ดนตรีประกอบบิ๊วอารมณ์ร่วมได้สุดยอด, เรื่องราวแฟนตาซีที่ผูกปมเข้ากับวิทยาศาสตร์ได้อย่างน่าอัศจรรย์, ลูกเล่นใหม่ๆทั้งเบรค-เคาน์เตอร์-ซัมมอนเพื่อนส่งเสริมให้การต่อสู้ดูเร้าใจกว่าต้นฉบับ, ระบบบัฟของแต่ละรูปแบบฟอร์เมชั่นทำให้ผู้เล่นสร้างทีมได้หลากหลายสไตล์ตามใจฉัน, เสียงพากย์ตัวละครจัดเต็มแบบฟูลวอยซ์ไม่มีเวลาใดเงียบสงัด, ศัตรูแบ่งสีที่มองเห็นได้ในฉากช่วยให้การฟาร์มสะดวกง่ายดาย และยิ่งเล่นยิ่งสนุกท้าทายหากเรายอมศึกษาเรียนรู้ระบบที่มีอยู่มากมายภายในเกม

ข้อเสีย: รูปลักษณ์ตัวละคร-อาวุธไม่ได้แปรเปลี่ยนไปตามอุปกรณ์ของสวมใส่, ปุ่มลัดจำกัดใส่สกิลได้แค่สองท่า น่าจะให้มาสักสี่ปุ่ม และระดับความยากที่เพิ่มแบบปุบปับอาจทำหลายคนท้อเลิกเล่น อดเห็นความบันเทิงที่รออยู่เบื้องหน้า

ที่มา : mgronline

น่าสนใจ

Review: Sonic Superstars บอสเลือดหมี กับมณีซ่อนแอบ

แนวเกม แอ็คชันแ …

PHP Code Snippets Powered By : XYZScripts.com