วันจันทร์ , 22 ธันวาคม 2025

รีวิวเกม Octopath Traveler 0 – ปฐมบทของการผจญภัยที่คราวนี้ไม่ได้มี 8 เส้นเรื่อง

Octopath Traveler นั้นเป็นซีรีส์เกม RPG สไตล์เทิร์นเบสที่แม้ว่าระดับโปรดักชั่นจะดูเป็นเกมขนาดกลางก็จริง แต่อิมแพ็คที่ซีรีส์นี้เคยสร้างเอาไว้กับเกม 2 ภาคที่ผ่านมาถือว่าน่าประทับใจไม่เบาครับ และล่าสุดก็เป็นคิวของเกม Octopath Traveler 0 ซึ่งมีไทม์ไลน์ของเนื้อหาอยู่ในช่วงก่อนเกมภาคแรกบ้างครับ สำหรับภาค 0 นี้ก็คือการนำภาค Champions of the Continent ที่ลงมือถือมาดัดแปลงลงคอนโซลกับพีซีนั่นเอง ทว่าจะมีการปรับโครงสร้างหลักของเกมด้วยการตัดเอาระบบกาชาออกไป และแก้ไขระบบอื่นยิบย่อยอีกเล็กน้อย โดยเกมนี้จะน่าหามาเล่นช่วงสิ้นปีดีมั้ย จะสนุกทัดเทียมกับภาคก่อน ๆ หรือเปล่า บทความรีวิวนี้น่าจะช่วยให้เพื่อน ๆ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

ผู้พัฒนา: Square Enix / DokiDoki Groove Works
ผู้จัดจำหน่าย: Square Enix
แพลตฟอร์ม: PS5 / PS4 / Xbox Series X|S / Switch 2 / Switch / PC (ทีมงานรีวิวจากเวอร์ชั่น PS5)
แนวเกม: RPG
วางจำหน่าย: 4 ธันวาคม 2025

แต่เดิมในเกม Octopath Traveler ภาค 1-2 จะเป็นการกระจายเนื้อเรื่องของฮีโร่ 8 คน ให้เราเลือกเล่นใครก่อนหรือหลังก็ได้ และเมื่อเคลียร์เนื้อเรื่องทั้ง 4 แชปเตอร์ของทั้ง 8 ตัวละครแล้วจึงจะเข้าสู่บทสรุปส่งท้ายที่เราต้องไปปราบบอสใหญ่กัน ทว่ากรณีของ Octopath Traveler 0 เกมจะให้เราสร้างฮีโร่พร้อมกับเลือกเบ้าหน้า ทรงผม ตลอดจนอาหารจานโปรดที่จะเพิ่ม Stat และตั้งชื่อฮีโร่ของตัวเองตามใจชอบ โดยฮีโร่ที่เราสร้างมานี้จะอยู่ในปาร์ตี้ไปตลอดทั้งเกม ส่วนฮีโร่คนอื่น ๆ จะค่อย ๆ ถูกเพิ่มเข้ามาตามเนื้อเรื่อง ซึ่งตัวเลือกเบ้าหน้าและทรงผมจะไม่ค่อยมีให้เลือกมากนัก ตรงนี้เข้าใจว่าเกมอยากจะให้เราทำความรู้จักกับเกมเพลย์และโครงสร้างหลักกันเนิ่น ๆ เลยมากกว่า

อนึ่ง ฮีโร่ของเราจะเป็นชาวเมือง Wishvale ที่หมู่บ้านดันโดนวายร้ายนามว่า Tytos กับ Auguste บุกทำลายและเผาเมืองจนวอด มิหนำซ้ำยังสังหารผู้คนไปเกือบหมด ไม่เว้นแม้แต่พ่อแม่ของเราด้วย โดยพวกมันทั้งคู่รวมถึง Herminia ต่างเป็น 3 ทรราชย์ที่สร้างความหวาดกลัวไปทั่วดินแดนออร์สเทอร์ร่า (Orsterra) ซึ่งการทำลายหมู่บ้านของตัวเอกมีจุดประสงค์หลักคือตามหาของวิเศษชิ้นหนึ่ง ซึ่งก็คือแหวนศักดิ์สิทธิ์ที่พวกมันแต่ละคนต่างก็ถือครองกันอยู่แล้วคนละวง และต่อมาตัวเราก็ได้รับแหวนศักดิ์สิทธิ์ที่ว่าจากนักปราชญ์ที่รอดชีวิตจากการบุกหมู่บ้านเช่นกัน นั่นเลยเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยในเกมภาคนี้

การนำวายร้ายทั้ง 3 เป็นธีมหลักในการปฏิบัติภารกิจเพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับหมู่บ้านของเราเป็นประเด็นที่น่าสนใจในแง่ของดีไซน์ โดยแต่ละคนต่างก็ลุ่มหลงอำนาจในรูปแบบที่แตกต่างกัน Tytos จะแสวงหาอำนาจที่เป็นพละกำลังและแสนยานุภาพในการรบ ขณะที่ Herminia จะเสพติดความมั่งคั่ง ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินตรา และ Auguste จะฝักใฝ่ในชื่อเสียงกับกิตติศัพท์อย่างแรงกล้า ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเล่นไปเรื่อย ๆ เกมจะนำพาผู้เล่นไปสัมผัสกับประเด็นที่อ่อนไหวในสังคมและเล่นแง่กับศีลธรรมในใจมนุษย์หลายเรื่อง ซึ่งเกมเลือกนำเสนอประเด็นพวกนี้ผ่านพฤติกรรม รสนิยมส่วนบุคคล รวมถึงแรงจูงใจออกมาได้ดีและมีชั้นเชิงทีเดียว

ทางด้านเควสต์เนื้อเรื่อง ผู้เล่นสามารถเลือกได้ว่าจะเล่นเนื้อเรื่องของตัวร้ายคนไหนก่อนก็ได้ อย่างไรก็ตาม เกมจะไม่ให้ผู้เล่นเล่นแบบตะลุยเฉพาะเนื้อเรื่องตัวร้ายคนนั้นไปจนจบทีละคนครับ เพราะต้องเล่นเนื้อเรื่องบทแรกของตัวร้ายทุกคนให้ครบก่อน แล้วค่อยเล่นบทถัดไปของตัวร้ายทุกคนแบบเฉลี่ยเท่า ๆ กัน เพราะมีเรื่องช่องว่างของเลเวลขั้นต่ำสำหรับเนื้อเรื่องแต่ละบทของตัวร้ายคนเดียวกันที่ห่างกันมาก ซึ่งการเดินเรื่องลักษณะนี้ก็ยังคล้ายกับภาค 1-2 อยู่ คนที่ไม่คุ้นชินกับเกมซีรีส์นี้มาก่อนอาจจะรู้สึกไม่โอเคนัก โดยอาจจะมองว่าการเล่นเนื้อเรื่องตัวร้ายคนใดคนหนึ่งไปจนจบไม่ได้ อาจทำให้เนื้อเรื่องไม่ค่อยต่อเนื่องหรือปะติดปะต่อยากหน่อย แต่หากมาลองเล่นจริงแล้วประเด็นนี้จะไม่เป็นอุปสรรคขนาดนั้น ส่วนหนึ่งก็คือตัวร้ายทุกคนล้วนมีความแตกต่างที่ชัดเจน และกลวิธีในการลำดับเรื่องราวที่ไม่ชวนให้งง ผู้เล่นสามารถอ่าน Lore ของเนื้อเรื่องได้ที่เมนู ซึ่งเกมจะอัปเดตให้เรื่อย ๆ เป็นระยะ

เรื่องระบบ Path Action นั้น ภาคก่อน ๆ ฮีโร่แต่ละคนจะมีทักษะที่ไม่เหมือนกัน ถ้าจะขอท้าดวล NPC เพื่อชิงไอเทมก็ต้องพาเพื่อนที่เป็นนักดาบมา ถ้าจะขอข้อมูลจากชาวเมืองก็ต้องพาเพื่อนที่เป็นนักปรุงยามา แต่ในภาค 0 ระบบ Path Action จะยึดโยงกับตัวเอกเพียงคนเดียว ทำให้เวลาคุยกับ NPC จะมีคำสั่งขึ้นมาหลายอย่างตลอด ทั้งท้าดวล ต่อราคา ขอข้อมูล หรือชวนมาอยู่หมู่บ้านของเรา ฮีโร่ที่เราปั้นมาจะเป็นคนรับจบทั้งหมด ข้อดีคือประหยัดเวลา ไม่ต้องไปดึงเพื่อนคนที่มีทักษะเฉพาะมาอยู่ปาร์ตี้นั่นเอง

ภาคก่อน ๆ เราอาจจะนิยามคำว่า Octopath ว่าเป็นเนื้อเรื่องของคน 8 คนที่แม้จะมีที่มาของเส้นเรื่องแตกต่างกัน แต่สุดท้ายชะตาชีวิตของทุกคนก็ต้องมาบรรจบกัน ทว่าภาคนี้ Octopath จะโฟกัสหลัก ๆ ไปที่ระบบการต่อสู้ที่เราสามารถจัดทัพได้สูงสุดถึง 8 คน โดยจะแบ่งเป็นตัวละครที่อยู่ “แถวหน้า” ที่เป็นคนสู้หลัก 4 คน และ “แถวหลัง” อีก 4 คนที่ใช้คำสั่งต่อสู้ไม่ได้ ทำได้แค่เพียงชาร์จ BP หลังจบเทิร์นหรือสลับตำแหน่งกับคนที่อยู่แถวหน้า ซึ่งตัวฮีโร่ของเราจะเป็นตัวละครเดียวในเกมที่เปลี่ยนอาชีพและเรียนสกิลจากอาชีพอื่น ๆ ได้ ขณะที่ตัวละครอื่น ๆ จะมีอาชีพตายตัว ด้วยเหตุนี้การจัดทัพในปาร์ตี้เลยมีความเป็นพัซเซิลเล็กน้อย เพราะต้องวางตำแหน่งอาชีพที่จำเป็นในการเป็นทัพหลัก (แถวหน้า) หรือกองหนุน (แถวหลัง) เกมจะพยายามกระตุ้นให้เราใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการจัดคนในปาร์ตี้อยู่เรื่อย ๆ แต่จะมีข้อเสียอยู่ตรงช่วงแรกถึงกลางเกมที่เลเวลของพวกเราจะขึ้นยากมาก ใครที่เบื่อหน่ายการฟาร์มอาจมีร้องเลย

จากที่กล่าวไปก่อนหน้าว่าหมู่บ้าน Wishvale ของเราได้ถูกทำลายจนไม่เหลือ เกมก็มีการเพิ่มระบบบูรณะเมืองเข้ามาด้วย โดยผู้เล่นต้องไปหาวัตถุดิบในการปลูกสิ่งก่อสร้าง ตามหาผู้คนจากเมืองต่าง ๆ เพื่อเชิญเขามาเป็นพลเมืองของเรา หรือจะไปตามชาวเมือง Wishvale ที่แตกฉานซ่านเซ็นให้กลับคืนมาตุภูมิก็ได้ ซึ่งบางคนจะยอมมากับเราถ้าเราทำเควสต์ก่อน หรือบางคนแค่เอ่ยปากชวนก็ยอมมาเลย เป็นต้น ทั้งหมดทั้งมวลของระบบบูรณะเมืองช่วยให้ผู้เล่นมีอะไรทำมากกว่าลุยสำรวจ ฟาร์มเลเวล และดำเนินเนื้อเรื่อง พอช่วยแก้เบื่อได้บ้าง แต่ก็ไม่ได้ดีงามขนาดที่จะเป็นหนึ่งในปัจจัยช่วยยกระดับคุณภาพเกมได้มากขนาดนั้น

ทั้งนี้ทั้งนั้น วายร้ายทั้ง 3 อาจจะเป็นธีมหลักของพล็อตเรื่องอย่างที่ทราบกัน แต่คนที่เคยเล่นเกมซีรีส์นี้มาก่อนย่อมเดาทางได้ว่าพวกมันไม่ใช่บอสทั้งหมดที่มีในเกม อีกทั้งยังมีพล็อตซ้อนที่มีเบื้องลึกเบื้องหลังของเรื่องราวทั้งหมดรออยู่ ความยาวของเกมจัดว่าโอเค และกระชับมากขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วงบทสรุปของเกม ยิ่งถ้ารวมตอนซ่อมแซมเมืองก็คือไม่ต่ำกว่า 40 ชั่วโมงด้วยซ้ำ

ตัวเกมเวอร์ชั่น PS5 แสดงผลได้เต็มพิกัดที่ 4K และเฟรมเรตแตะ 120 FPS (ทีวีของเราต้องรองรับด้วย) ซึ่ง PS5 รุ่นธรรมดาเฟรมเรตอาจจะมีหล่นบ้าง แต่ก็ยังเกิน 90 FPS อยู่ดี แส่วน PS5 Pro เฟรมเรตจะ 120 FPS นิ่งคงที่สบายหายห่วงครับ และไม่มีฉากโหลดให้เห็นเลย

โดยรวมแล้ว Octopath Traveler 0 เป็นเกมที่สนุกตามมาตรฐานของซีรีส์ ช่วงแรกของเกมจะเป็นตัวทดสอบความอดทนของผู้เล่นหน้าใหม่เลยว่าจะเหมาะกับเกมซีรีส์นี้หรือไม่ เพราะค่อนข้างเนิบและเอื่อยเหลือเกิน แต่ถ้าผ่านมาได้ และซึมซับพล็อตของเกมที่นำเสนอได้อย่างเข้มข้น ความชอบจะค่อย ๆ เพิ่มมาเอง ขณะเดียวกัน เอกลักษณ์ของระบบเกมที่เคยมีมาใน 2 ภาคแรกก็ยังคงมีอยู่ในภาคนี้เกือบครบถ้วน ทั้งระบบใช้อาวุธหรือธาตุที่เป็นจุดอ่อนศัตรูตีเพื่อให้เกิดอาการ Break, ระบบอาชีพ, ระบบ Path Action ซึ่งบางระบบก็มีการปรับเปลี่ยนไปบ้างเพื่อให้เข้ากับรูปแบบของเกมที่เปลี่ยนในช่วงต้น ตัวเกมเล่นเอาพอเพลิน ๆ ได้ และเป็นตัวเลือกที่ดีในการหามาเล่นช่วงสิ้นปี เงื่อนไขในการเก็บแพลตินัมโทรฟี่หรือ Achievement ก็ไม่ยากจนเกินไป

จุดเด่น

  • ระบบบูรณะเมืองที่ทำให้ผู้เล่นได้ใช้เวลาไปกับเกมได้นานขึ้น ซึ่งมีความลึกพอสมควร ไม่ใช่ใส่มาเป็นไม้ประดับแบบที่ไม่เล่นก็ไม่รู้สึกเสียดายอะไร
  • ระบบต่อสู้ที่เป็นปาร์ตี้ 8 คน ทำให้เกิดความหลากหลายของการวางกลยุทธ์รับมือศัตรูมากขึ้น สร้างความท้าทายอีกรูปแบบแก่ผู้เล่น
  • เนื้อเรื่องเข้มข้น หนัก ลุ่มลึก และกล้านำเสนอประเด็นที่น้อยเกมจะทำกัน

จุดด้อย

  • การลำดับเรื่องช่วงแรกถึงกลางเกมอืดมาก ต้องใช้ความอดทนประมาณหนึ่งในการฝ่าฟันความรู้สึกชวนง่วงไปให้ได้
  • การเทความสำคัญไปที่ฮีโร่ของเราแบบเน้น ๆ ทำให้บทบาทของตัวละครตัวอื่นดูจางลงไป และมีการเกลี่ยบทที่ไม่ค่อยเท่ากัน ทำให้บางตัวแทบจมหายไปเลย

ที่มา : online-station

น่าสนใจ

Review: The Last of Us Part II Remastered การปัดฝุ่นทิพย์ ที่พอดิบกับราคาสิบเหรียญ

แนวเกม แอ็คชั่น …

PHP Code Snippets Powered By : XYZScripts.com